หมั่น ทำสิ่งนี้ ได้บุญมากกว่าการรั ก ษ าศีล 100 ปี

--Advertisement--

หมั่น ทำสิ่งนี้ ได้บุญมากกว่าการรั ก ษ าศีล 100 ปี

หากคุณนั้นเป็นคนหนึ่งที่หมั่นเพียรทำบุยและรั ก ษ าศีลตลอ ดเวลา แต่คุณเคยรู้ไหมว่ามีสิ่งหนึ่งหากคุณนั้นทำเป็นประจำคุณนั้นจะไเ้บุญกุศลมากกว่าการรั ก ษ าศีลเป็นเวลา 100 ปี

ศีล ( บาลี: สีล ) คือข้ อปฏิบัติตนขั้นพื้นฐานในทางพระพุทธศาสนา เพื่อควบคุมความประพฤติทางกายและวาจาให้ตั้งอยู่ในความดีงามมีความปกติสุข เพื่อให้เป็นกติกาข้ อห้ า มที่ใช้แก้ปัญหาขั้นพื้นฐาน 5 ปัญหาหลัก ซึ่งทำให้เกิดความสงบสุข และ ไม่มีการเบียดเบียนซึ่งกันและกันในสังคม

ประโยชน์ของศีลในขั้นพื้นฐานคือทำให้กาย วาจา ใจ สงบไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ทำให้สามารถที่จะทำให้จิตสงบได้ง่ายในการทำสมาธิ ในระดับของบรรพชิต ศีลจะมีจำนวน มาก เพื่อ กำกับให้พระภิกษุสงฆ์สามเณรสามารถครองตนในสมณภาวะได้อย่ างสมบูรณ์ และเอื้อต่อ การประพฤติพรหมจรรย์ในขั้นสูงต่อไปได้

ความหมายของศีลนั้นแปลได้หล า ยความหมาย โดยศัพท์แปลว่า ความปกติของกายและวาจา กล่าวคือความปกติต ามระเบียบวินัย, ปกติมารย าทที่สะอาดปราศจากโทษ, ข้ อปฏิบัติในการเว้นจากความชั่ ว, ข้ อปฏิบัติในการฝึกหัดกายวาจาให้ดียิ่งขึ้น, ความสุจริตทางกายวาจาและอาชีพ และยังมักใช้เป็นคำเรียกอย่ างง่ายสำหรับคำว่า “อธิศีลสิกขา” อันได้แก่ข้ อปฏิบัติขั้นต้นเพื่อ การฝึกตนในทางพระพุทธศาสนาด้วย.

พวกเราช าวพุทธ มักจะถูกสั่งสอน มาให้สร้างความดี สร้างบุญดีไว้มากๆ สะสมบุญบารมีให้ชีวิตมีความสุข ถึงแม้จะรั ก ษ าศีลถึง 100 ปี ก็ยังไม่เท่ากับการทำสิ่งนี้ นั่นคือ การเจริญภาวนา เพราะถือว่าจะได้บุญมาก และเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต ามความเชื่อ ทำด้วยใจที่สะอาดบริสุทธิ์

การเจริญภาวนา มีด้วยกัน 2 แบบ

1 การเจริญปัญญา

ในการเจริญปัญญา จะไม่เหมือนกับการทำสมาธิเลยซะทีเดียว เพราะการทำสมาธิ จะทำเพื่อให้จิตใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ แต่การเจริญภาวนาต้องมีการคิด ‘ใคร่ครวญ’ และเป็นการหาเหตุผล หาความจริงบนโลก เพื่อตระหนักได้ว่า ‘ทุกสิ่งบนโลกเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป’

--Advertisement--

2 การทำสมาธิด้วยสมถะภาวนา

หมายถึง การทำสมาธิ เพื่อให้จิตใจสงบ และกำหนดลมห า ยใจของตัวเอง แต่การทำสมาธิ สามารถทำได้หล า ยรูปแบบ ไม่ใช่แค่การนั่งสมาธิแล้วหลับต าแบบที่เราๆเข้าใจ ‘การไหว้พระสวดมนต์’ ก็เป็นการทำสมาธิอย่ างหนึ่งเช่นกัน เพราะตอนที่เรากำลังสวดมนต์ จิตใจเราจะจดจ่ออยู่กับบทสวด และเป็นการทำสมาธิในขั้นต้นที่ให้คนส่วนใหญ่ใช้ฝึกฝนเพื่อให้มีสมาธิ

ผลของการเจริญสมาธิและปัญญา

1 ความสุขอันเป็นนิพพาน

หากเราหมั่นเพียรในการฝึกฝนเจริญภาวนา จนไปถึงขั้นที่เรียกว่า ‘หลุดพ้นจาก กิ เ ล ส’ ได้แล้ว เราก็จะไปถึงพระนิพพาน คือ การไม่กลับมาเวียนว่ายเกิดใหม่อีก ซึ่งหากใครที่ต้องการจะมีความสุขแบบตลอ ดกาล พ้นจาก ทุ ก ข์ ทั้งปวง ก็ต้องฝึกสมาธิและการเจริญปัญญาที่ถูกต้องจากผู้ที่รู้จริงเท่านั้น

2 ความสุขในปัจจุบัน

หากคนที่ฝึกสมาธิระดับเบื้องต้นได้ จิตใจจะรู้สึกปล่อยวาง และผ่อนคล า ย รู้สึกเป็นสุขในทุกอิริย าบถ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน จิตใจของเราก็จะนิ่งเป็นสุข เรียกได้ว่าเกิดผลบุญขึ้นในใจแล้ว

3 ความสุขในโลกหน้า

เป็นความสุขที่เราไม่ได้สัมผัสในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลก แต่เป็นตอนที่เราได้ละจากโลกนี้ไปแล้ว เราจะได้ไปเสวยสุขในภพภูมิที่ดี ซึ่งเป็นผลมาจากการเจริญสมาธิและปัญญา ที่มีจิตใจที่ผ่องใสและเป็นสุข

ต ามที่พระพุทธองค์เคยตรัสไว้ว่า

‘แม้จะรั ก ษ าศีล 227 ข้ อให้ไม่ด่างพร้อยถึง 100 ปี…ก็สู้การทำสมาธิภาวนาเพียงแค่เพียงไก่กระพือปีกหรือช้างกระดิกหูไม่ได้ ‘

การที่เราจะทำสมาธิและเจริญภาวนาจนติดเป็นนิสัย หรือ กล า ยเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ก็จะทำให้ชีวิตพบเจอกับความสุขได้ง่ายขึ้น ดังนั้นเราควรที่จะหมั่นสร้างบุญสร้างกุศลไว้มากๆ เพราะเมื่อถึงเววลาที่ต้องนำไปใช้ จะได้มีมากพอ ไม่ข า ดแคลน

ดังคำสอนของสมเด็จของพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ‘บุญเราไม่เคยสร้าง…ใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า ‘

ขอขอบคุณ bitcoretech, th.wikipedia.org

--Advertisement--