ในอีก 3 ปีข้างหน้า คน 5 ประเภทจะตกงานและอยู่ยาก

--Advertisement--

ในอีก 3 ปีข้างหน้า คน 5 ประเภทจะตกงานและอยู่ยาก

อาจารย์ Li Kaifu กล่าวว่า “ อีก 10 ปี งาน 50% ของมนุษย์จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ ” หรือ ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ.. อีก 10 ปี คนกว่าครึ่งหนึ่งในบริษัทจะต้องตกงาน เพราะการมาแทนที่ด้วยหุ่นยนต์

เหมือนว่าเรื่องเหล่านี้จะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว เพราะ ในปีที่ผ่านมา เราต่างเห็นบริษัทต่างๆทยอยปลดพนักงานออก และ แทนที่ด้วยเครื่องจักร

ซึ่ง คน 5 ประเภทนี้มีโอกาสที่จะเจอกันเหตุการณ์เหล่านี้

ประเภทที่ 1 : คนที่ทำงานแบบเดิมๆซ้ำๆ

พนักงานในไลน์ หรือ เจ้าหน้าที่ต่างๆที่ต้องทำงานแบบเดิมๆซ้ำๆ

เช่น แพคของใส่กล่อง จัดเรียงสินค้าในคลัง งานที่อาศัยแค่ความชำนาญ

ไม่ได้ใช้การคิด วิเคราห์ หรือ การตัดสินใจใดๆ คล้ายๆหุ่นยนต์

จึงเป็นเหตุผลอันง่ายที่จะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์จริงๆ

เพราะ หุ่นยนต์ไม่เรียกร้องขึ้นเงินเดือน ไม่ ขาด ลา มาสาย

ไม่บ่น ไม่หยุดงานประท้วง ไม่เรียกร้องสวัสดิการเพิ่ม

ประเภทที่ 2 : คนที่นอกเหนือจาก 8 ชั่วโมงไม่เรียนรู้

มีเพื่อนผมคนหนึ่งทำงานที่ท่าเรือ คอยเช็คจำนวนสินค้าในคลัง

เป็นงานง่ายๆ ที่เหมือนจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ในอนาคต

แต่เมื่อทำงานปีแรกเขาก็ค้นพบว่ามีลูกค้าชาวสเปนเยอะมาก

เลยเริ่มเรียนภาษาสเปนแบบ จริงๆ จังๆ ทุกวันหลังจากทำงานเสร็จ วันละ 2 ชั่วโมง

ผ่านไป 3 ปี เนื่องจากความสามารถด้านภาษา เพื่อนคนนี้มีโอกาสไปร่วมงานนิทรรศการการค้าต่างประเทศ

ได้ลูกค้ารายใหญ่หลายรายกลับมาด้วย ธุรกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว ปีที่ 7 เขาก็เปิดบริษัทของตัวเอง

ตลอดระยะเวลาแห่งงานเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เขาไม่เคยหยุดทำก็คือ ใช้เวลานอกเหนือจาก 8 ชั่วโมงในการเรียนรู้

ยุคสมัยนี้เป็นยุคแห่งการเรียนรู้ ความรู้เติบโตขึ้นในอัตราที่ก้าวกระโดด

ทุกคนมีอินเตอร์เน็ต สามารถเข้าถึงความรู้ต่างๆได้อย่างรวดเร็วแค่ปลายนิ้ว

อยู่ที่ว่าคุณจะใช้โอกาสที่มีไขว่คว้า หรือ นั่งรอวันถูกแทนที่

ประเภทที่ 3 : คนมองอะไรสั้นๆ ตัดสินแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทันที

หลังเรียนจบ Li Ting และ Tan Si เข้าไปฝึกงานที่บริษัทบัญชีแห่งหนึ่งด้วยกัน

หลังหมดระยะฝึกงาน บริษัทเสนอให้ไปศึกษางานที่สำนักงานใหญ่ในฮ่องกง 2 ปี แต่ได้เงินเดือนครึ่งเดียว

ไม่มีค่าคอมมิชชั่น Li Ting รู้สึกว่าเงินเดือนน้อยเกินไป แถมไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในต่างแดน ก็เลยไม่เอา

ส่วน Tan Si กล้าตัดสินใจเลือกไปฮ่องกง ในมุมมองของเธอ ไปศึกษางานแถมยังได้เงินเดือน เป็นเรื่องที่คุ้มแสนคุ้ม

ผ่านไป 2 ปี Tan Si กลับมาที่บริษัทในฐานะหัวหน้าโครงการคนใหม่ รายได้ 1 ล้านบาทต่อปี

ส่วน Li Ting ยังคงทำงานในตำแหน่งเดิม เงินเดือนในตอนนี้ไม่ถึง 1 ใน 3 ของ Tan Si

ไม่ใช่ว่า Tan Si ตัดสินใจถูก หรือ Li Ting ตัดสินใจผิด เพราะ ทั้งคู่ต่างเลือกสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดให้ตนเอง

--Advertisement--

แต่เมื่อเวลาที่ผ่านไปจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า การตัดสินใจของเราในอดีต จะพาเราก้าวหน้าขึ้นได้หรือไม่

ประเภทที่ 4 : คนที่ทำงานร่วมกับคนอื่นไม่เป็น

บริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง ให้เงินผู้สมัครงาน 75 บาท ให้พวกเขาไปหาอะไรกินด้วยกัน

6 คนไปถึงร้านอาหารด้วยกัน แต่ข้าวจานหนึ่งอย่างต่ำ 15 บาท เงินที่พวกเขามีไม่พอจะซื้อข้าวคนละจาน ก็เลยกลับไปบริษัทอย่างหงุดหงิด

พอถึงบริษัท ประธานบริษัทรู้เข้าก็ส่ายหน้า : “ขอโทษด้วย พวกคุณไม่เหมาะกับบริษัทเรา”

ร้านอาหารร้านนั้น มีโปรโมชั่นซื้อ 5 แถม 1 หรือถึงแม้ไม่มีโปร ก็ยังขอจานเปล่ามาหนึ่งใบ แล้วสั่งข้าว 5 จานมาแบ่งกันกินได้ แต่ผู้สมัครทั้ง 6 คนไม่มีใครคิดว่ามาด้วยกัน เป็นทีมเดียวกัน

ทุกคนต่างคิดถึงแต่ตัวเอง ถึงได้มือเปล่ากลับไป

นักปรัชญากล่าวไว้ว่า : “แต่ละคนก็เหมือนอิฐก้อนนึง โยนลงไปบนถนนก็ง่ายที่จะถูกเตะไปมา แต่ถ้าคุณเอาอิฐหลายๆก้อนมาก่อเป็นผนัง ก็ยากที่จะมีใครทำให้เคลื่อนไหวได้”

ประเภทที่ 5 : คนที่ไม่เข้าใจการลงทุนในตัวเอง

เรามักจะได้ยินคำเตือนว่า… ” อย่าใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย “

แต่ถ้าเราเก็บเงินได้ 1 แสนต่อปี ภายใน 10 ปี เก็บได้ 1 ล้าน นี่คือเก่งหรอ…?

ไม่ใช่…! เพราะเมื่อคุณใช้เวลา 10 ปีถึงจะเก็บเงินได้ 1 ล้าน

คนอื่นอาจจะใช้เวลาแค่ปีเดียว….!!

ตอนที่คุณยังเยาว์วัยคุณต้องรู้ว่าจะลงทุนกับตัวเองยังไง

ถ้าทุกเดือนคุณเอาเงินส่วนหนึ่งมาลงทุนกับตัวเอง…

บางคน ” ไปเรียนคอสเสริมหลังเลิกงาน “ อาจไม่ได้รวยในทันที แต่ได้รู้จักคนมากมายที่นำพาโอกาสดีๆเข้ามาในชีวิต

บางคน ” ไปเข้าฟิตเนสออกกำลังกาย “ จนค้นพบช่องทางธุรกิจ เปิดยิม ขายอาหารเสริมสำหรับคนรักสุขภาพ

บางคน ” ออกเดินทาเที่ยวรอบโลก “ ไปเจอธุรกิจใหม่ๆที่น่าสนใจในต่างประเทศ นำไอเดียกลับมาต่อยอดเป็นของตัวเอง

หลายปีผ่านไปคุณจะพบว่า เงินที่คุณใช้ไป ทำให้คุณค่าของตัวเองเพิ่มขึ้น คุณได้คืนกลับมาหลายเท่า

เมื่อก่อนคนพูดกันว่า… ปลาเล็กกินปลาใหญ่ ตอนนี้ต้องเปลี่ยนเป็นปลาเร็วกินปลาช้า

สิ่งใหม่ๆที่ปรากฏขึ้น มักมาพร้อมกับโอกาสทางธุรกิจ แต่เมื่อโอกาสผ่านไป คนที่ช้าก็จะไม่มีทางได้สัมผัสในยุคนี้ พวกเราต้องมีสัญชาตญาณของการเอาตัวรอด ( เราเป็นคน ไม่ใช่หุ่นยนต์ ต้องรู้จักเรียนรู็ และ ปรับตัว ) ค้นหาและแก้ไข้ข้อบกพร่องของตัวเองอย่างทันท่วงที เพื่อที่จะพัฒนาต่อไปในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น ไม่อย่างนั้น 3 ปีผ่านไป คุณจะพบว่า คุณถูกคนอื่นๆทิ้งไว้ข้างหลังแล้ว

จะเห็นว่าตัวอย่างที่หยิบยกมานั้น ไม่ได้เจาะจงถึงอาชีพใด เพราะ ทุกอาชีพล้วนมีโอกาสตกงานได้ทั้งนั้น แต่ยกตัวอย่างให้เห็นถึงทัศนะคติที่จะเป็นสิ่งตัดสินว่า คุณจะถูกแทนที่ หรือ ได้ไปต่อ

Cr. แหล่งที่มาจาก : LIEKR

--Advertisement--