บานปลาย! แฉเพิ่ม อาจารย์สาว ใช้ชื่อเด็กกู้นอกระบบเป็นล้าน เจ้าหนี้ขู่ทวงเงิน

--Advertisement--

จากกรณีผู้เสียหายกว่า 10 ราย เข้าแจ้งความกองปราบฯเพื่อให้ดำเนินคดีกับ น.ส.อัสมา ดำรงค์ผล อายุ 33 ปี หัวหน้าภาควิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ย่านรังสิต ที่หลอกลวงให้นำเงินมาร่วมลงทุนทำธุรกิจพานักเรียนมัธยม นักศึกษาไปเรียนพิเศษภาคฤดูร้อน หรือซัมเมอร์แคมป์ ที่ประเทศอังกฤษ แต่กลับไม่มีการพาไปจริง มูลค่าความเสียหายร่วมกันกว่า 20 ล้านบาท ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

วันที่ 13 พ.ย. ที่กองปราบปราม ดร.กิตติภพ ภวณัฐกุลธร รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ โรงเรียนบดินทรเดชา 2 (สิงห์ สิงหเสนี) นำหลักฐานเอกสารเดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สุรจิต ชะระ สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับน.ส.อัสมา ดำรงค์ผล อายุ 33 ปี หลังเข้ามาหลอกเสนอโครงการพานักเรียนไปศึกษาภาคฤดูร้อน หรือซัมเมอร์แคมป์ ที่ประเทศอังกฤษ

มีผู้ปกครองนักเรียนกว่า 30 คน ที่หลงเชื่อเข้าร่วมโครงการ จ่ายเงินค่าดำเนินการคนละ 9 หมื่นบาท ปรากฏว่าไม่มีการพาเด็กนักเรียนไปจริง เมื่อพยายามติดต่อทวงถามก็ได้รับการบ่ายเบี่ยง ก่อนจะติดต่อไม่ได้อีกเลย

นายกิตติภพ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทางโรงเรียนมีนโยบายพานักเรียนไปศึกษาตามโครงการเรียนพิเศษภาคฤดูร้อนเป็นประจำทุกปี ซึ่งเป็นโครงการที่คณะผู้ปกครองอยากให้จัดขึ้น โดยครั้งนี้ทางน.ส.อัสมา ได้เข้ามาติดต่อนำเสนอโครงการกับผู้อำนวยการของโรงเรียน โดยนำเสนอรายละเอียดที่น่าสนใจว่าเป็นซัมเมอร์แคมป์ที่จะจัดขึ้นในประเทศอังกฤษ ตั้งแต่วันที่ 13-27 ตุลาคม ซึ่งทางผู้อำนวยการโรงเรียนเล็งเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีและราคาถูก ตรงตามวัตถุประสงค์ของโรงเรียน

นายกิตติภพ กล่าวว่า นอกจากนี้ส่วนตัวแล้วน.ส.อัสมา ยังมีโปรไฟล์น่าเชื่อถือคือ เป็นอาจารย์ระดับหัวหน้าภาควิชาภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยชื่อดัง มีใบอนุญาตถูกต้องและที่ตั้งของบริษัทชัดเจน พร้อมทั้งยังนำเสนอว่าที่ผ่านมาเคยพานักเรียนนักศึกษาไปในประเทศแคนาดา และอีกหลายประเทศมาแล้วจริง ทำให้ยิ่งน่าเชื่อถือ

--Advertisement--

จากนั้นทางโรงเรียนได้นำเสนอกับผู้ปกครองนักเรียน พร้อมทั้งมอบหมายให้ตนเป็นคนดูแลร่วมกับตัวแทนหัวหน้าโครงการ ตอนแรกมีนักเรียนเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 39 คน แต่ถอนตัวไป 9 คน จึงเหลือ 30 คน แต่ละคนมีค่าใช้จ่าย 9 หมื่นบาท ร่วมทั้งเปิดบัญชีขึ้นมา โดยให้มีครู 3 ท่าน เป็นผู้เข้ามารับผิดชอบ ซึ่งน.ส.อัสมาเป็นผู้เข้ามาทำสัญญาและรับเงินด้วยตัวเอง

นายกิตติภพ กล่าวอีกว่า หลังจากจ่ายเงินไปแล้ว พอใกล้กำหนดการเดินทาง ซึ่งจะต้องมีการนัดประชุมเด็กก่อนเดินทางจริง ก็มีผู้ปกครองร้องเรียนว่าน.ส.อัสมาขอเลื่อนการเดินทางไปก่อน โดยอ้างว่าที่พักในประเทศอังกฤษเต็ม ตนจึงสอบถามไปยังบ้านพักที่ประเทศอังกฤษ หรือที่เรียกว่าโฮสต์ฯ ก็เลยทราบว่าน.ส.อัสมาติดต่อไปจริง แต่ไม่ได้จ่ายเงิน

ตนจึงพยายามติดต่อทวงถามไปหลายครั้ง น.ส.อัสมาก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด จนขาดการติดต่อไปเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนก็เลยตามไปหาที่มหาวิทยาลัย ก็ทราบว่าเขาลาป่วย ก่อนจะตามไปที่บริษัทย่านธัญบุรี จ.ปทุมธานี ก็พบว่าปิดตัวและเก็บข้าวของไปหมดแล้ว

ใช้ชื่อนักเรียนกู้เงินนอกระบบ 1 ล้านบาท

นายกิตติภพ กล่าวต่อว่า วันนี้ตนเดินทางมาในฐานะตัวแทนโรงเรียนและผู้ปกครอง โดยรับมอบหมายจากผู้อำนวยการโรงเรียน ให้เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีกับน.ส.อัสมา หลังก่อนหน้าเคยแจ้งความไว้ที่ สน.บึงกุ่มแล้ว ส่วนที่ต้องเข้ามาร้องที่กองปราบฯ ก็เพื่อขอให้ช่วยสืบสวนจับกุมอีกทางหนึ่ง

นอกจากอยากได้เงินของเด็กคืนแล้ว ตอนนี้ก็ยังเป็นห่วงในเรื่องเอกสารของเด็กที่มอบให้น.ส.อัสมา นำไปใช้เป็นหลักฐานขอทำวีซ่า เพราะกลัวจะถูกนำไปใช้ทำในสิ่งที่ทำให้เกิดความเสียหายได้

เนื่องจากขณะนี้มีผู้ปกครองของเด็กรายหนึ่งโทร.มาปรึกษากับตน หลังจากมีเจ้าหนี้นอกระบบโทร.มาหาบุตรชาย เพราะถูกน.ส.อัสมานำเอกสารสำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนของนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ปลอมแปลงลายเซ็นนำเอกสารไปขอกู้เงินจากเจ้าหนี้นอกระบบสูงถึง 1 ล้านบาท

ทำให้ตอนนี้ผู้ปกครองหลายคนต้องไปลงบันทึกประจำวันที่สน.บึงกุ่ม เพื่อยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากกลัวว่าอาจจะเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นอีก

ขอบคุณข่าว https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_1820235

--Advertisement--