เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่ศาลาว่าการกทม. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. สั่งการให้กรุงเทพมหานคร จังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดระเบียบการให้อาหารนกในพื้นที่สาธารณะ
หลังได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชนว่าหลายแห่งปล่อยปละละเลย มีการให้อาหารนกเป็นประจำจนจำนวนนกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สร้างความรำคาญ และเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค ว่า ปัจจุบันสวนสาธารณะกทม. 37 แห่ง ได้ติดป้ายประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนงดให้อาหารนก เพื่อป้องกันเหตุเดือดร้อนรำคาญ และช่วยดูแลสุขภาพอนามัยแก่ผู้ใช้บริการสวนสาธารณะ ซึ่งอาจได้รับเชื้อราจากมูลนก เสี่ยงทำให้เป็นโรคปอดอักเสบ
นอกจากนี้ยังได้กำชับเจ้าหน้าที่ออกตรวจตราพื้นที่ หากพบการให้อาหารนก ให้ตักเตือนและห้ามปรามและประสานกับสำนักอนามัย ให้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการตรวจสอบจำนวนนก ในสวนเป็นประจำ หากพบว่ามีจำนวนมากขึ้น สำนักอนามัยจะเข้ามาช่วยจับนำไปปล่อยยังแหล่งธรรมชาติต่อไป
ด้านนางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เดิมกทม. เคยดำเนินการจับนกพิราบออกจากท้องสนามหลวง เพื่อควบคุมโรคและจัดการระบบสาธารณสุข ซึ่งเชื้อโรคที่ติดมากับนกพิราบหลายชนิด ถือเป็นอันตรายต่อประชาชน
โดยกทม. ได้จับนกพิราบทั้งหมด มาทำการถ่ายพยาธิและทำการฆ่าเชื้อรา – ไรต่างๆ จนหมดก่อนส่งไปกักที่ปลายทางในระบบปิด พร้อมแยกเพศเพื่อไม่ให้มีการแพร่พันธุ์เพิ่ม แต่แนวทางแก้ไขปัญหาให้เกิดผลสำเร็จคือการงดให้อาหารนก ซึ่งต้องขอความร่วมมือประชาชน งดให้อาหารนกในพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ต่างๆ เช่น วัด บริเวณบ้าน เป็นต้น
อย่างไรก็ตามการให้อาหารนก ถือว่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ. รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 ที่ห้ามไม่ให้มีการให้อาหารสัตว์ในที่สาธารณะ หากพบฝ่าฝืน จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.สาธารณสุขฯ ปรับ 2,000 บาท และ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ จำคุก 3 เดือน ปรับ 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขอบคุณข่าว https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_1591590